ไม่มีเทคนิคไหน ที่ทำกำไรได้แบบยั่งยืน ประสิทธิภาพจะลดลง เมื่อคนส่วนใหญ่รู้

ไม่มีเทคนิคไหนที่สามารถทำกำไรได้แบบยั่งยืน นี่คือความจริงในโลกที่เป็นระบบทุนนิยม ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่คนที่ถือครองทรัพย์สินส่วนใหญ่ในโลกเป็นคนส่วนน้อย ส่วนคนที่ถือครองทรัพย์สินส่วนน้อยเป็นคนส่วนมาก เช่น ไม่ว่าจะลงทุนสายพื้นฐาน หรือลงทุนสายเทคนิค เมื่อเทคนิคนั้นนั้น คนส่วนใหญ่ได้เริ่มรู้จัก คนส่วนใหญ่เริ่มใช้กัน สุดท้ายการใช้เทคนิคเหล่านั้น จะทำกำไรได้น้อยลง หรือเทคนิคนั้นจะไม่สามารถทำกำไรได้เลย เพราะอะไรก็ตามที่คนส่วนใหญ่รู้จักแล้ว ประสิทธิภาพมันจะน้อยลง เช่น

เมื่อปี 2540 การลงทุนเน้นคุณค่า ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูกถูก มีประสิทธิภาพมาก เพราะ ณช่วงเวลานั้นการลงทุนประเภทนี้ ไม่ค่อยมีคนรู้จัก เป็นคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่ใช้การลงทุนแบบนี้ในตลาดหุ้น โดยณปัจจุบัน การลงทุนแบบนี้ จะทำกำไรได้น้อยลง เพราะของดี ใครใครก็รู้จัก อ่านงบการเงิน วิเคราะห์ธุรกิจ ความรู้เหล่านี้ คนส่วนใหญ่ก็สามารถวิเคราะห์กันได้ เพราะฉะนั้น เมื่อหุ้นดี ธุรกิจที่เรารู้จัก มีราคาลงมา ก็มีคนจำนวนมาก เข้าไปซื้อ มันก็เลยทำให้ราคา ลงไม่มาก ส่วนพอขึ้นไประดับหนึ่ง มันก็จะมีคนขาย ทำให้หุ่นที่ดี ธุรกิจที่เรารู้จัก ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนในอัตราที่สูงเช่นในอดีต

การลงทุนสายเทคนิคก็เหมือนกัน เชื่อได้เลยว่า เทคนิคที่มีประสิทธิภาพในอดีต จะทำกำไรได้น้อยลงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะใช้เส้นไหนไหนก็ตาม เพราะปัจจุบันความรู้ของทุกคน มีใกล้เคียงกันหมด ในเมื่อความรู้ของทุกคนมีใกล้เคียงกัน ความรู้เหล่านี้ก็จะเป็นความรู้ที่คนส่วนใหญ่มี และในเมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้ ประสิทธิภาพก็ย่อมน้อยลง

ราคาบิตคอยน์ เมื่อช่วงปี 2015 ราคาอยู่ที่ 10,000 ต้น ๆ / บิตคอยน์ ผ่านมา ปี 2024 ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500,000 บาท/ บิตคอยน์ ผ่านมาเกือบ 10 ปี ผลตอบแทนจากการลงทุน 13,305.44% ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงมากๆ ซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อน เรานำเงิน 100,000 บาท ซื้อบิตคอยน์เก็บไว้ ปัจจุบันก็จะสามารถขายได้ที่ราคา 15 ล้านบาท การให้ผลตอบแทนที่มากขนาดนี้ เพราะณตอนนั้น คนที่ลงทุนในบิตคอยน์ เป็นคนส่วนน้อย ผู้เขียนเองก็ไม่สามารถการันตีว่าราคามันจะไปถึงขนาดไหน แต่สิ่งที่สามารถยืนยันได้ก็คือ อีก 10 ปีข้างหน้า ราคาบิตคอยน์ จะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากเท่า 10 ปีก่อนหน้าอย่างแน่นอน เพราะ ปัจจุบัน ใครใครก็รู้จัก ใครใครก็รู้ ในเมื่อทุกคนรู้แล้ว สิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้ ผลตอบแทน ย่อมน้อยลงเสมอ

อีกหนึ่งข้อที่ผู้เขียนงงมากๆ เมื่อเราซื้อหุ้นแล้วขาดทุน เรามักจะใจชื้นขึ้นมา เมื่อเราเข้าในกลุ่ม LINE เข้าในกลุ่ม Facebook หรือเข้าไปอ่านตามเพจต่างๆ ที่มีเพื่อนเพื่อนติดหุ้นตัวเดียวกันกับเรา คอยปลอบใจกัน คอยให้กำลังใจกัน ว่าสักวันมันต้องมา เราจะใจชื้นขึ้นมาทันที เพราะเรามีเพื่อนที่ซื้อหุ้นตัวเดียวกันกับเรา สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิดมากๆ ในการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะเมื่อมีคนติดหุ้นหรือซื้อหุ้นตัวเดียวกันกับเรา เราอาจจะไม่ใช่คนส่วนน้อย อย่าไปดีใจ หรืออยากไปอุ่นใจ เมื่อมีคนติดหุ้นตัวเดียวกันกับเรา เพราะมันผิดหลักการของคนส่วนน้อย มันผิดหลักการของระบบทุนนิยม

และการเทรดโดยใช้ บอท การซื้อขายโดยการตั้งเงื่อนไขในการเข้าซื้อในการขายหุ้น มักจะมีโค้ดหุ้นหลายหลายคน บอกว่าตนเองมีระบบเทรดที่สามารถทำกำไรได้มีประสิทธิภาพ และเปิดคอร์สสอน และเปิดขายโปรแกรมบอท ในการเทรด การันตีว่าระบบของตนเองดีที่สุด อยากจะเตือนว่า ระบบพวกนี้ อาจจะมีประสิทธิภาพในช่วงแรกๆ เมื่อมีการใช้ไปเรื่อยเรื่อย ประสิทธิภาพจะลดลง อัตราการทำกำไรก็จะน้อยลงด้วย

ลองทายเล่น ๆ ว่าหุ้นประเภทไหนจะให้ผลตอบแทนมากในอนาคต หุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนมากในอนาคต จะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ไม่ค่อยมีคนเชียร์ เป็นลักษณะของหุ้นนอกกระแส เหมือนเป็นหุ้นที่โดนขุดขึ้นมาเล่น หุ้นที่คนไม่คิดว่ามันจะขึ้น ลองหาหุ้นที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก หุ้นประเภทนี้น่าจะสร้างผลตอบแทน ในอัตราที่มากให้กับผู้ลงทุน สังเกตง่ายง่ายอ่ะ หุ้นที่ไม่ค่อยมีคนเชียร์ในกลุ่ม LINE ไม่ค่อยมีคนเชียร์ให้ซื้อในเพจต่างๆ ลองหาดู แล้วทานอาจจะเจอขุมทรัพย์ก็เป็นได้